วิลเลี่ยม ซาลิบา จากกองหน้าสู่กองหลังที่ยอดเยี่ยมแห่งเกาะอังกฤษ

วิลเลี่ยม ซาลิบา ได้รับฉายาว่าเขานั้นเป็นกองหลังที่ดีที่สุดแห่งลีกดังของอังกฤษ ความจริงคำพูดนี้ดูเหมือนไม่เกินจริง เพราะว่าคนที่พูดถึงเขาว่าเป็นสุดยอดกองหลังนั้นคือ มิคาเอล ซิลแวสต์ ที่เคยเป็นกองหลังสารพัดประโยชน์ของทีมดังแห่ง อาร์เซนอล และอดีตทีมยักษ์ใหญ่อีกทีมอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเน็ต ที่พูดถึงกองหลังคนสำคัญของอาร์เซนอล ซึ่งรับรองได้ว่าไม่ได้แพ้ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และ ดาวซัลโว ลาลีก้า

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ เราจะเห็นได้ว่าชื่อเสียงของ ซาลิบา วิกิพีเดีย นั้นมีคนพูดถึงอย่างมากในวงการฟุตบอลต่างประเทศ นั่นก็เพราะว่า ซาลิบา กองหลัง มีร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างมาก แถมมีสไตล์การเล่นที่ไม่เหมือนใคร และทุกครั้งที่เขาได้โชว์ฟอร์มการเล่น ก็จะเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาแฟนบอลทุกครั้งไป โดยเฉพาะเกมที่ วิลเลี่ยม ได้ลงบัญชาการให้กับทีม

วิลเลี่ยม ซาลิบา กับผลงานที่ยอดเยี่ยมแบบคงเส้นคงวา

อีกอย่างของการรักษาฟอร์มการเล่น ได้แบบสม่ำเสมอทำให้เขากลายเป็นผู้ที่ถูกพูดถึง และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาก็คือกองหลังที่ดีที่สุดในโลกคนถัดไปนั่นเอง ซาลิบา กองหลัง เขาเกิดที่เมืองบงดี ซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆ อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปารีส

เขามีพ่อเป็นชาวเลบานอล และมีแม่เป็นชาวแคเมรูน ที่เป็นพวกอพยพมาอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ทำให้งานนี้วิลเลี่ยม ซาลิบา สัญชาติ ทั้งหมดคือ 3 สัญชาติคือ ฝรั่งเศส เลบานอล และแคเมอรูนนั่นเองค่ะ

ซาลิบาและครอบครัวเอ็มบัปเป้

ความจริงแล้ว ซาลิบา กองหลัง เกิดหลงรักในกีฬาฟุตบอลตั้งแต่ตอนอายุแค่ 3 ปีเท่านั้น นั่นเป็นตอนที่เขาได้รับของขวัญวันเกิด เป็นลูกฟุตบอลจากพ่อและแม่ของเขา ทำให้นั่นกลายเป็นจุดประเด็นความฝันในการอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ด้วยความที่เขาชื่นชอบการดูฟุตบอลมาตั้งแต่วัยเด็ก

ซึ่งในช่วงแรกๆ ก็ดูแต่ทีมชาติฝรั่งเศส ที่ได้ลงแข่งขันในฟุตบอลโลกปี 2006 ทำให้เขาได้รู้จักกับนักเตะ ที่ถือว่าเป็นไอดอลของเขาอย่าง เธียร์รี่ อองรี ทำให้นี่ก็เลยกลายเป็นหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้ ซาลิบา กลายเป็นวิลเลี่ยม ซาลิบากองหน้า ซึ่งเมื่อเขาลงเล่นกับพวกรุ่นพี่และเพื่อนๆ ในสนามแถวบ้าน

ต่อมา ซาลิบา ก็มีการพัฒนาฝีเท้า จนในที่สุดก็ไปเข้าตา วิลเฟรด เอ็มบัปเป้ ที่เป็นพ่อของนักเตะชื่อดังอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซึ่งในตอนนั้นนั่นเอง วิลเฟรด ยังคงทำหน้าที่เป็นครูที่สอนการเล่นฟุตบอลประจำโรงเรียน บงดี และได้ชักชวนเขาให้เข้าเป็นนักฟุตบอลประจำโรงเรียนบงดี ทำให้ทั้งเขาและนักเตะอย่างคิลิยัน เอ็มบัปเป้ ก็เลยเป็นเพื่อนที่สนิทกัน

วิลเลี่ยม เคยได้ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งมีความว่าขอขอบคุณ วิลเฟรด เอ็มบัปเป้ ที่ได้สอนให้เขาได้รู้จักฟุตบอล และความสำเร็จของเขาทั้งหมดนี้มาจากสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จาก วิลเฟรด ทั้งสิ้นที่อุสาห์สอนเขามาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กๆ

และยังได้พูดต่อด้วยว่า เขาและคิลิยัน เอ็มบัปเป้นั้น ก็สนิทสนมกันมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว คือไปโรงเรียนพร้อมกัน ตลอดเวลาที่ยังคงเรียนอยู่ในระดับประถม และคิลิยันก็ไปเล่นที่บ้านของเขาบ่อยๆ และเขารู้สึกดีใจอย่างมากเมื่อโตขึ้นมา ก็ยังได้เล่นฟุตบอลกับเขาตลอดมา

ก้าวที่สำคัญของเขาก็คือตอนที่อยู่ที่ แซงต์ เอเตียน

นับได้ว่า วิลเลี่ยม เป็นนักฟุตบอลที่ก้าวกระโดดอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่เข้าไปร่วมทีมกับ แซงต์ เอเตียน เพราะว่าเขาได้ลงสนามให้กับทีมเยาวชนได้เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น และต่อจากนั้นเขาก็ถูกดันให้ขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ ที่ตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น

ด้วยความที่มีร่างกายสูงใหญ่เหมาะมากที่จะไปเล่น ฟุตบอลโลก 2018 แต่มีความคล่องแคล่วว่องไวทำให้เขาเบียดรุ่นพี่และเข้าเข้ามายืนอยู่ในตำแหน่งกองหลังตัวจริงได้สำเร็จและได้รับโอกาสที่ได้ลงสนามช่วยทางต้นสังกัด ที่ตอนนั้นลงไปทั้งหมดคือ 20 นัดรวมทุกรายการนั่นเอง และจากการที่มีฝีเท้าที่โดดเด่น ทำให้กลายเป็นที่หมายตาของทีมใหญ่อย่าง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส และ ทีมปืนใหญ่แห่งเกาะอังกฤษอย่างอาร์เซนอลที่ สนใจในตัวเขาอย่างมาก

และทั้งสองสโมสรต่างก็ยื่นข้อเสนอซื้อตัวไปถึง 30 ล้านยูโรเท่ากัน แต่เขากลับเลือกที่จะไปอยู่กับทีม อาร์เซนอล น่าจะมาจากเพราะต้องการที่จะเล่นทีมเดียวกัน กับไอดอลของเขาอย่าง เธียร์รี่ อองรีแต่ตอนที่ออกมาเปิดใจตอนนั้น บอกว่าเพราะเห็นว่าเป็นสโมสรที่มีประวัติดีงามและยาวนาน และเขาดีใจมากที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่

วิลเลี่ยม ซาลิบา เดอะแบกในเกมรับ

อาร์เตต้า นายใหญ่แห่งอาร์เซนอล เคยบอกไว้ว่าทุกคนได้เคยเห็นพัฒนาการของ ซาลิบา กันมาแล้วทำให้ทราบกันดีว่าเขามีพัฒนาการ และสามารถรักษามาตรฐานของเขาไว้ได้สม่ำเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีกองหลังแบบนี้เพียงไม่กี่คนในโลก ซึ่งงานนี้ เชสก์ ฟารเบรกาส อดีตกัปตันของอาร์เซนอล เคยชื่นชมว่าเขาเห็นความแตกต่างของทีมในวันที่มีเขาและไม่มีเขาอย่างเห็นได้ชัด

ปรากฎการณ์ที่ ซาลิบา ลงไปช่วยอาร์เซนอลแค่ 3 นัดเท่านั้นเขาก็สามารถพาทีมให้อยู่เป็นอันดับ 1 ของตารางได้สำเร็จ แต่เมื่อเขาไม่ได้อยู่ใน 11 นัดที่เหลือทำให้อาร์เซลนอล ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 6 นัดและนี่เป็นเหตุที่ทำให้ทางทีมเรือใบสีฟ้า ปาดหน้าเอาแชมป์ไปได้สำเร็จนั่นเองค่ะ

และจากความสามารถที่ยอดเยี่ยมนี้ ทำให้ต้นสังกัดต่อสัญญาให้เขายาวนานไปถึงปี 2028 และได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มเป็น 190,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ที่มาจากเดิมคือ 40,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และสุดท้ายแล้ววิลเลี่ยม ซาลิบา ก็มีค่าตัวพุ่งไปถึง 70 ล้านยูโรแล้วในขณะและแน่นอนว่า ซาลิบา ig ของเขามีผู้ติดตามไม่น้อยเลยทีเดียว